การเลือกใช้ ร่มแข็งแรง ทนทาน ผ่านมาตรฐาน นอกจากจะช่วยปกป้องคุณจากแสงแดด และลมฝนแล้ว ยังจะช่วยลดโอกาสเกิดอันตราย จากร่มหัก โครงร่มบาด และอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้อีกด้วย แล้วเราจะสังเกตร่มที่ไม่ผ่านมาตรฐานได้อย่างไร ? มาดูกัน
1. 15 จุดสังเกต ของร่มหัก พังง่าย ไม่ได้มาตรฐาน
1.1 โครงสร้างร่มบอบบาง
โครงร่มที่จะใช้งานได้นาน ไม่พังง่าย ต้านแรงลม แรงฝนได้ดี ต้องผลิตจากวัสดุเกรดคุณภาพ อย่างไฟเบอร์กลาส, อะลูมิเนียม, เหล็ก ถ้าเป็นวัสดุอื่น ๆ มีแนวโน้มที่จะหักและพังง่ายกว่า
1.2 ความยาวแกนร่มไม่สมดุล
เทคนิคสำคัญในการเลือกซื้อร่มข้อหนึ่ง คือต้องเลือกร่มที่มีความยาวแกนร่ม ได้สัดส่วนกับเส้นผ่าศูนย์กลางของผ้าใบ และมีองศาความโค้งที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นร่มอาจปลิวหรือพังได้
1.3 รอยต่อแกนร่มหลวม
แกนร่มพับ 2 ตอน, ร่มพับ 3 ตอน, ร่มพับ 5 ตอน ที่ไม่ได้มาตรฐาน จะทำให้แกนร่มโยกไปมาขณะกาง เพราะรอยต่อหลวม ไม่แนบสนิท
1.4 สปริงร่มฝืด
ปัญหาหนึ่งที่ ร้านซ่อมร่มต้องเจอประจำ คือรันเนอร์ (Runner) หรือสปริงวงแหวนที่ช่วยดันให้ผ้าร่มกางออกนั้น ไม่ทำงานหรือฝืดมาก จนทำให้ร่มใช้งานไม่ได้
1.5 ท็อปสปริงยุบ
ร่มไม่ล็อก กางไม่ได้ เป็นอีกปัญหาที่พบบ่อย เกิดจากการที่ท็อปสปริง (Top Spring) หรือเหล็กสามเหลี่ยม ที่คอยค้ำรันเนอร์ตอนร่มกางออก ยุบเข้าไป ดังนั้นตอนเลือกซื้อร่ม ต้องลองกดท็อปสปริงดูด้วย
1.6 ปุ่มเปิดปิดใช้งานยาก
ถ้าเป็นร่มออโต้คุณภาพต่ำ มักจะทำปุ่มเปิดปิดที่ใช้งานยาก หรือกลไกการกางหุบร่ม ที่เชื่อมต่อกับปุ่มไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้ร่มพังง่ายเกินไป ไม่คุ้มราคา
1.7 รอยต่อด้ามจับหลวม
รอยต่อระหว่างแกนร่มกับด้ามจับ เป็นจุดเปราะบางที่จะเกิดร่มหัก หรือแกนร่มหลวมจนหลุดได้บ่อย เพราะการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน จะไม่เน้นคุณภาพ จึงไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก
1.8 ด้ามจับไม่กระชับมือ
ถ้าผู้ผลิตออกแบบด้ามจับมาไม่ดี ไม่ได้คำนึงถึงสรีระของมือเวลาจับ ก็จะทำให้ผู้ใช้จับร่มไม่กระชับ ไม่ถนัดมือ จนทำให้ร่มร่วงหลุดพื้น แล้วพังได้เช่นกัน แนะนำให้ใช้เป็นด้ามร่มที่มีร่องนิ้วมือให้จับ หรือด้ามจับตัว C แบบร่มกลับด้าน ของร่มศิริบัวทอง
1.9 ตัวยึดซี่ร่มเส้นเล็ก
ถ้าตัวยึดซี่ร่ม หรือชุดเครื่องยึด (Stretcher) เล็กหรือบางเกินไป จะทำให้ร่มไม่สามารถต้านแรงลมหรือฝนได้ ร่มอาจเปิดกลับด้าน หรือลอยหลุดไปขณะใช้ ดังนั้นเวลาซื้อร่มจะต้องเลือกขนาดของตัวยึดโครงร่มด้วยเสมอ
1.10 ข้อต่อตัวยึดซี่ร่มหลวม
ถึงแม้ซี่ร่มจะเป็นโครงไฟเบอร์กลาส หรือโครงเหล็กหนา 14 มิลลิเมตรแล้วก็ตาม แต่ถ้าข้อต่อระหว่างตัวยึดกับซี่ร่มหลวม ก็จะทำให้ร่มไม่แข็งแรง พังง่าย จนไม่สามารถนำมาใช้เป็น ร่มต้านลม หรือร่มกันฝนอย่างดีได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่ร้านซ่อมร่มเจอบ่อยเช่นกัน
1.11 ซี่ร่มไม่ยืดหยุ่น
คุณสมบัติของซี่ร่มที่ดี ที่จะไม่ทำให้ซี่ร่มหัก คือต้องมีความยืดหยุ่นสูง ดังนั้นวัสดุที่เลือกใช้ควรเป็นร่มโครงไฟเบอร์ ร่มโครงเหล็ก และร่มโครงอะลูมิเนียม จึงจะสามารถพยุงผ้าร่มต้านลมและฝนได้
1.12 ซี่ร่มน้อยเกินไป
ยิ่งร่มมีขนาดใหญ่มาก โครงสร้างร่มก็ยิ่งจะต้องใหญ่ และแข็งแรงตาม เช่น ออกแบบเป็นร่ม 16 ก้าน เพื่อให้สามารถรองรับแรงต้านได้ เพราะถ้าซี่ร่มน้อยเกินไป อาจทำให้ร่มไม่แข็งแรงพอ และหักง่าย
1.13 จุกหุ้มปลายร่มไม่แน่น
อีกจุดสังเกตหนึ่งของร่มที่ไม่ได้มาตรฐานคือ จุกที่หุ้มปลายซี่ร่มจะไม่พอดีกับขนาดของซี่ร่ม ทำให้ผ้าใบร่มเผยอออกเวลาใช้งาน ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่ผ้าใบร่มจะฉีกขาดหรือเปิดออก
1.14 ผ้าร่มเนื้อบาง
วัสดุร่มในส่วนของผ้าใบร่ม ควรทำมาจากผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester) หรือผ้าผงจี้ (Pongee) 2 ชั้น น้ำฝนจะได้ไม่รั่วซึม และกันแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.15 เย็บตะเข็บผ้าร่มห่าง
อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้หลายคนต้องเดินเข้าร้านซ่อมร่ม คือผ้าใบร่มชำรุด เพราะผู้ผลิตเย็บตะเข็บร่มห่างเกินไป จนทำให้ร่มฉีกขาด น้ำรั่วซึม และผ้าใบหลุดออกง่าย
2. เลือกวัสดุร่มแบบไหนดี ? ที่แข็งแรง ทนทาน ไม่พังง่าย
- โครงสร้างร่ม หรือโครงร่ม ควรทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบา แต่ยืดหยุ่นสูง เช่น ไฟเบอร์กลาส, อะลูมิเนียม, เหล็ก เกรดมาตรฐาน
- ด้ามจับร่ม ต้องแน่นสนิทกับแกนร่ม และมีดีไซน์ที่กระชับมือ ไม่ลื่นหลุดง่าย อย่างพลาสติก หรือไฟเบอร์ที่เคลือบสารกันลื่นมาเรียบร้อย
- ผ้าร่ม แนะนำให้เลือกวัสดุร่มเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าผงจี้ เพราะมีความแข็งแรงทนทานสูง น้ำหนักเบา อีกทั้งยังสามารถเคลือบสารกันน้ำ และสารป้องกันรังสียูวีได้ด้วย
3. สรุป
ก่อนเลือกซื้อร่มทุกครั้ง อย่าลืมสังเกตจุดสำคัญข้างต้น เพื่อป้องกันไม่ให้ร่มหักหรือพังง่าย จนทำให้เสี่ยงอันตราย ทางที่ดีเลือกซื้อร่มกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน อย่างร่มศิริบัวทองดีกว่า จะได้บอกลาทุกปัญหากวนใจ !