ถึงแม้ว่าในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของฤดูร้อนก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันก็จะใกล้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว ซึ่งร่มเปรียบเสมือนเกราะป้องกันแดดและลมฝนให้กับเรา โดยเฉพาะโครงสร้างของร่ม ที่มีความสำคัญอย่างมาก เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับร่มไม่ให้มีการชำรุด ซึ่งโครงร่มนั้นมีให้เลือกทั้ง 2 แบบ คือ โครงร่มเหล็ก กับ โครงร่มไม้
1. ส่วนประกอบของร่มมีความสำคัญอย่างไร
ร่มเปรียบเสมือนเพื่อนร่วมเดินทางในยามยาก โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก ซึ่งนำพาเราไปยังที่ต่างๆ ได้เลยแม้ฝนจะตกก็ตาม รวมถึงแสงแดดแรงๆ ในยามกลางวันอีกด้วย โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับส่วนที่สำคัญของร่มว่ามีอะไรบ้าง
- ด้ามจับ เป็นส่วนมีหน้าที่ในการควบคุมการถือร่มของเราได้ดียิ่งขึ้น โดยมีให้เลือกทั้ง 3 แบบ เช่น แบบตรง, แบบเกือกม้า, แบบตัวซี และอื่นๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยในปัจจุบันนี้ได้มีการออกแบบด้ามจับให้คล้ายกับไม้เท้า เพื่อตอบสนองให้กับกลุ่มผู้สูงอายุมากยิ่งขึ้น
- ตัวเปิด-ปิด แต่เดิมตัวเปิดปิดของร่มนั้น จะต้องกดปุ่มก่อน แล้วจึงเลื่อนให้ร่มกางด้วยตนเอง แต่ในยุคนี้ได้มีการพัฒนาการเปิดร่มโดยการสร้างปุ่มเปิด-ปิด ให้ร่มกางได้โดยอัตโนมัติ ที่มีการใช้กลไกสปริง และสามารถพับเก็บได้อย่างง่ายอีกด้วย
- ซี่โครงร่ม ซึ่งเป็นเหล็กเส้นบางๆ ที่ยึดติดกับผ้ากันสาดของร่ม ซึ่งทำหน้าที่สร้างความทนทานให้กับร่ม ต้านทานแรงลม และที่สำคัญเลยยังทำให้ร่มกางออกมาสวยงาม สามารถพับเก็บได้อย่างเรียบร้อย ไม่เกะกะ
- โครงร่ม เรียกได้ว่าเป็นไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดของร่มเลยก็ว่าได้ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ โครงร่มเหล็กกับโครงร่มไม้ นอกจากนี้ยังมีประเภทของโครงร่มอีกแบบ คือ โครงร่มไฟเบอร์ ซึ่งเป็นโครงร่มที่ดีที่สุด มีความทันสมัยแข็งแรง ทนทาน ซึ่งสามารถรองรับแรงจากลมกรรโชก หรือฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ก็เป็นไปได้
2. จะเลือกใช้โครงร่มแบบไหนดี
การเลือกใช้โครงร่มนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากเราเลือกใช้ร่มที่มีโครงไม่แข็งแรง ตัวยึดไม่หนาแน่น แล้วเกิดลมกรรโชกอย่าแรง อาจจะทำให้ร่มเกิดการชำรุด อันเนื่องมาจากการถูกแรงลมพัดปลิวไปนั่นเอง
- โครงร่มเหล็ก โครงร่มที่ทำจากเหล็กนั้นถือว่าหลายๆ คนต้องคุ้นเคยอย่างมาก เพราะ มีวัสดุที่ใช้ในการผลิตง่าย สามารถหาได้ทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรที่จะคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลักหากต้องการเลือกซื้อ เพราะ หากเราใช้งานร่มที่มีโครงเหล็กคุณภาพที่ไม่ดี อาจจะทำให้ไม่มีความแข็งแรง
แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีข้อดีเช่นเดียวกัน สามารถทนต่อแดด ทนต่อฝนได้ดี แต่ในขณะเดียวกันอาจจะทำให้เกิดสนิมขึ้นได้ เมื่อผ่านเวลาไปนานๆ ทางที่ดีเราควรที่จะเลือกร่มที่มีเหล็กคุณภาพดี กันสนิม ถึงแม้ว่าจะราคาสูงไปหน่อยก็ตาม - โครงร่มไม้ หรือ โครงร่มสนาม โดยทั่วไปแล้วร่มที่นำไม้มาทำเป็นโครงส่วนใหญ่แล้วจะพบได้ใน ร่มสำหรับประดับตกแต่ง โครงร่มสนาม มากกว่าร่มสำหรับถือทั่วไป และร่มที่ระลึกอย่างร่มกระดาษสา แต่จะพบเห็นสำหรับการเป็นของแจกหรือการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ไม่มาก
ซึ่งมีจุดเด่นเลยคือ มีความแข็งแรง เสริมความสวยงาม เมื่อนำไปตกแต่งให้เข้ากับธรรมชาติ และส่งกลิ่นอายความเป็นล้านนาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันก็มีข้อด้วยเช่นเดียวกัน คือ อาจจะทำให้โครงไม้นั้นเกิดการขึ้นรา หากโดนละอองน้ำฝนเป็นเวลานาน และที่สำคัญเลยยังเป็นบ่อเกิดการทำลายสิ่งแวดล้อมทรัพยากรป่าไม้อีกด้วย - โครงร่มอะลูมิเนียมไฟเบอร์ ถือเป็นประเภทของโครงร่มที่มีการใช้นวัตกรรมใหม่ เพื่อให้มีความแข็งแรง ทนทาน ต่อแรงลม ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าร่มของเราจะหักไปตามแรงของลม
นอกจากนี้ยังลดการเมื่อยมือ หรือล้าแขนเลย เพราะมีการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา แต่อย่างไรก็ตามตัวร่มมักจะมีราคาสูง และยังไม่ค่อยเห็นได้ทั่วไป
3. โครงร่ม ราคาเท่าไหร่ และจะเลือกซื้อแบบไหนดี
- โครงร่มแบบเหล็ก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน หรือสำหรับการทำของที่ระลึกในการแจกจ่ายเนื่องในโอกาสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร่มสปริง, ร่มพับได้, ร่มกอล์ฟโดยปกติแล้วจะอยู่ในราคาที่ 62 – 265 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของร่ม
- โครงร่มแบบไม้ หากใครที่ต้องการความสวยงาม ได้สัมผัสบรรยากาศเสมือนกับธรรมชาติอย่างแท้จริง หรือต้องการความแปลกใหม่ ที่ไม่มีเห็นในชีวิตประจำวัน แม้กระทั่งการหาของขวัญที่งดงาม ซึ่งโครงร่มแบบไม้ตอบโจทย์อย่างมาก ซึ่งจะพบได้ตาม ร่มสนาม และร่มกระดาษสา โดยโครงร่ม ราคาอยู่ที่ 120 บาทขึ้นไป
จบไปแล้วนะครับสำหรับการแนะนำ โครงร่มเหล็ก และโครงร่มไม้ ซึ่งทั้ง 2 แบบล้วนแล้วมีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการใช้งานในชีวิตจำวัน หรือต้องการประดับตกแต่ง หาของขวัญให้กับใครสักคน ก็สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของเรา
ในตอนนี้หากใครกำลังที่มองหาโครงร่มคุณภาพดีเยี่ยม ทนทาน แข็งแรง สามารถติดต่อ ได้ที่ หจก.ศิริบัวทอง เบอร์โทรศัพท์ 092-4563909, ไอดีไลน์ @sbt.umbrella, อีเมล sbt.umbrella@gmail.com ได้ทุกวันจันทร์- เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.